คุณเชื่อหรือไม่ว่าพฤติกรรมที่แสดงออกของแต่ละคนนั้น เกิดขึ้นจากความคิด ความรู้สึก การรับรู้ มุมมอง หรือทัศนคติที่มีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีการสะสมมาตั้งแต่อดีตจนถึงวินาทีที่แสดงพฤติกรรมนั้น ?
" ข้าพเจ้า(นางสาวอามอญ เสนาสี ) เชื่อว่า คนเราคิดอย่างไร รับรู้อย่างไร ก็มักจะแสดงออกอย่างนั้น แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นนี้ เพราะมีอีกหลายคนที่เลือกหนทางที่จะไม่แสดงพฤติกรรมตามความคิดและความรู้สึกของตนเองหรือแสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามไปเสียดีกว่า เพื่อความมั่นคง และคำนึงถึงผลเลียที่จะตามมาทั้งที่กระทบต่อตัวเองและหน้าที่การงาน เช่น หากเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน ลักษณะของงานที่ทำอยู่ เขาก็เลือกที่จะยิ้มรับกับปัญหาและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาเหล่านี้กลายเป็นคนที่เก็บความรู้สึกและพฤติกรรมที่แท้จริงของตนเอง "
ดังนั้น การที่จะเป็นคนทำงานในเชิงรุกได้นั้น ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนมุมมอง การรับรู้และความคิดของตนเองเสียก่อน ซึ่งการปรับเปลี่ยนของแต่ละคนก็ล้วนแต่แตกต่างกันออกไป มีทั้งยากบ้าง ง่ายบ้าง หรือเปลี่ยนไม่ได้เลยก็มี เนื่องจากสภาพแวดล้อมในจุดที่แต่ละคนยืนนั้นต่างกัน ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิดใหม่ จะทำให้สภาพ
แวดล้อมเต็มไปด้วยสีสันและรสชาติ และเพื่อหาวิธีการพัฒนาขั้นตอนการทำงานให้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสิ่งที่จำเป็นของการทำงานเชิงรุกนั้น ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมและความตั้งใจจริงของแต่ละคนด้วย
ทัศนคติหรือมุมมองของคนที่ทำงานในเชิงรุก
ศรัทธาในตนเอง คิดจะเป็นผู้ให้ มากกว่าผู้รับ มองโลกในทางบวก วันพรุ่งนี้ ย่อมดีกว่าวันนี้ โอกาสแสวงหาได้จากตัวเรา มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน กล้าและพร้อมเผชิญกับปัญหา ความรู้ ความสามารถย่อมฝึกกันได้ แผนงานที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ทุกคนย่อมมีความรู้ ความสามารถ ผู้บริหารเวลาที่ดีที่สุด คือตัวเรา จงรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง จงเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร อนาคตเป็นสิ่งที่เราสร้างได้ และพร้อมเสมอสำหรับการเปลี่ยนแปลง
เมื่อคุณสามารถปรับเปลี่ยนมุมมอง การรับรู้และความคิดของตนเองได้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการสำรวจตนเองว่าคุณมีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไรบ้าง เช่น คุณมีจุดแข็งด้านความคิดสร้างสรรค์ แต่มีจุดอ่อนด้านความละเอียดรอบคอบและการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และต้องคิดถึงเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ของตนก่อนเสมอ โดยต้องมีการวางแผนเพื่อกำหนดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องการทำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการหาหนทางหรือวิธีการเพื่อที่จะทำให้วิสัยทัศน์ของตนประสบผลสำเร็จ นั่นคือ ต้องมีการกำหนดภารกิจ(mission) และกำหนดตัวชี้วัดผลงานหลัก
การทำงานเชิงรุก = เป็นการทำงานที่มีเป้าหมายสู่อนาคต เน้นการดำเนินงานอย่างรวดเร็ว
คุ้มค่าและมีคุณภาพ เล็งเห็นถึงปัญหาพร้อมทั้งลงมือจัดการกับปัญหานั้น ๆ ใช้โอกาสที่เกิดขึ้นให้เกิดประโยชน์ต่องานด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ และแปลกใหม่ วางแผนงานล่วงหน้า อย่างละเอียด รอบคอบ รู้จักและรับผิดชอบตนเอง
การทำงานเชิงรับ = เป็นการกระทำเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ตอบสนอง เมื่อเกิด
ข้อผิดพลาดจะโทษสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ โดยไม่พิจารณาตนเองเป็นหลัก และเน้นการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จไปวันๆ เท่านั้น ไม่มีการวางแผนการทำงานก่อนล่วงหน้า ไม่คำนึงถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น
สาเหตุที่ส่งผลให้คนทำงานมีทัศนคติการทำงานเชิงรับ (Reactive)
เช่น -การได้รับอิทธิพลจากหัวหน้างาน ดังคำกล่าวที่ว่า หัวหน้าว่าอย่างไร ลูกน้องก็ว่าและทำตามอย่างนั้น
- การดูถูกความสามารถของตนเอง ว่าตนไม่มีความรู้ ความสามารถ ทำงานที่ท้าทายไม่ได้ ยากเกินไป จนขาดความเชื่อมั่นในการทำงาน
ประโยชน์ของการทำงานเชิงรุก
-เพิ่มมูลค่างาน -เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน -สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับเพื่อนร่วมงาน
-เป็นมิตรที่ดีกับทุกคน หัวหน้าชอบ องค์การก็ส่งเสริม -มีเวลาทำกิจกรรมเพื่อสังคม
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ คือ เป็นหนังสือที่ผู้เขียนเน้นการยกตัวอย่างให้เห็นถึงทัศนคติของบุคคลวัยเมื่อคุณสามารถปรับเปลี่ยนมุมมอง การรับรู้และความคิดของตนเองได้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการสำรวจตนเองว่าคุณมีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไรบ้าง เช่น คุณมีจุดแข็งด้านความคิดสร้างสรรค์ แต่มีจุดอ่อนด้านความละเอียดรอบคอบและการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และต้องคิดถึงเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ของตนก่อนเสมอ โดยต้องมีการวางแผนเพื่อกำหนดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องการทำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการหาหนทางหรือวิธีการเพื่อที่จะทำให้วิสัยทัศน์ของตนประสบผลสำเร็จ นั่นคือ ต้องมีการกำหนดภารกิจ(mission) และกำหนดตัวชี้วัดผลงานหลัก
การทำงานเชิงรุก = เป็นการทำงานที่มีเป้าหมายสู่อนาคต เน้นการดำเนินงานอย่างรวดเร็ว
คุ้มค่าและมีคุณภาพ เล็งเห็นถึงปัญหาพร้อมทั้งลงมือจัดการกับปัญหานั้น ๆ ใช้โอกาสที่เกิดขึ้นให้เกิดประโยชน์ต่องานด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ และแปลกใหม่ วางแผนงานล่วงหน้า อย่างละเอียด รอบคอบ รู้จักและรับผิดชอบตนเอง
การทำงานเชิงรับ = เป็นการกระทำเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ตอบสนอง เมื่อเกิด
ข้อผิดพลาดจะโทษสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ โดยไม่พิจารณาตนเองเป็นหลัก และเน้นการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จไปวันๆ เท่านั้น ไม่มีการวางแผนการทำงานก่อนล่วงหน้า ไม่คำนึงถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น
สาเหตุที่ส่งผลให้คนทำงานมีทัศนคติการทำงานเชิงรับ (Reactive)
เช่น -การได้รับอิทธิพลจากหัวหน้างาน ดังคำกล่าวที่ว่า หัวหน้าว่าอย่างไร ลูกน้องก็ว่าและทำตามอย่างนั้น
- การดูถูกความสามารถของตนเอง ว่าตนไม่มีความรู้ ความสามารถ ทำงานที่ท้าทายไม่ได้ ยากเกินไป จนขาดความเชื่อมั่นในการทำงาน
ประโยชน์ของการทำงานเชิงรุก
-เพิ่มมูลค่างาน -เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน -สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับเพื่อนร่วมงาน
-เป็นมิตรที่ดีกับทุกคน หัวหน้าชอบ องค์การก็ส่งเสริม -มีเวลาทำกิจกรรมเพื่อสังคม
ทำงานที่มีต่อองค์การ โดยการเปรียบเทียบทัศนคคติของคนที่ทำงานเชิงรุกกับคนที่ทำงานเชิงรับได้อย่างชัดเจน และเล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานเชิงรุกของผู้เขียนเอง เพื่อให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นการสร้างโอกาสในการทำงานให้กับชีวิต ใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นคนทำงานเชิงรุก
จุดด้อยของหนังสือเล่มนี้ คือ เนื่องจากหนังสือเรื่องนี้เป็นการเล่าประสบการณ์ของผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่ จึงมีการกล่าวถึงเนื้อหาเดิมซ้ำหลายรอบ
ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ คือ ทำให้รู้ว่า คนที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานใด ๆ ได้นั้น นอกจากจะรักในงานที่ทำแล้ว ยังมีพื้นฐานเป็นคนที่มุ่งมั่น อดทน และมองการณ์ไกลด้วย ซึ่งต้องคำนึงถึงเสมอว่า การทำงานทุกอย่างย่อมต้องมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครหลีกหนีปัญหาได้ แต่จะต่างกันตรงที่ว่าใครจะสามารถรับมือและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นได้มากน้อยกว่ากัน
ตัวอย่างทัศนคติของพนักงานที่มีต่อองค์การของตน
“ ไม่ต้องรีบร้อนทำงานหรอก เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าลูกค้าจะมารับงาน”
“ พวกเราเตรียมเก็บข้าวของได้แล้วนะ เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง จะเลิกงานแล้ว งานด่วนไว้ทำวันพรุ่งนี้ก็ได้ รับรองเสร็จก่อนเที่ยงแน่นอน “
อ้างอิง : อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์. เทคนิคการทำงานเชิงรุก (Proactive). กรุงเทพมหานคร : เอช อาร์ เซ็นเตอร์ , 2548.
12 ความคิดเห็น:
การทำงานเชิงงรุกและเชิงรับ นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ว่าจะรุกหรือจะรับดี ก็อยู่ที่การวิเคราะห์สถานการณ์ของบุคคล แต่จากหนังสือเล่มมนี้การทำงานเชิงรุกนั้น จะให้โอกาสที่ดีกว่า..ก็จะลองปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติ เพื่อความสำเร็จในภายภาคหน้า
เปลี่ยนทัศนคติในการมอง เปลี่ยนวิธีการทำงาน รุกมากว่ารับ ดูดี แต่จะทำได้ไหมอ่ะ
เนื่องจากว่าแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ทำให้การปรับเปลี่ยนทัศนคติต้องใช้เวลาและโอกาสที่ต่างกัน
การทำงานควรทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ โดยไมหวาดหวั่นต่ออุปสรรค
ย่อมประสบความสำเร็จสูง เพราะทุกคนกล้าเผชิญหน้ากับ ปัญหาหรืออุปสรรค หรือสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงไร การกล้าทำเพื่อให้งานได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นตามเป้าหมาย
การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดความสุข ต้องปฏิบัติตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นและเป็นที่พอใจของบุคคลต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา
ช่วยให้เกิดการปรับตัวในการทำงาน และรุกเข้าหาปัญหา มากว่าการตั้งรับ
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้จะต้องเป็นคนที่มีหัวใจของการพัฒนาอยู่เสมอ
ทุกอย่างสำเร็จได้ หากอยุ่ที่ความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของเราเอง
การจะทำงานเชิงรุกได้ต้องมีการปรับเปลี่ยนมุมมองความรู้ ความคิดของตัวเองก่อน
บางคนต้องการที่จะทำงานเชิงรุก แต่ปรับตัวไม่ได้จนเกิดความเครียด นี่คือ สิ่งที่ควรคำนึง
เผชิญหน้ากับความล้มเหลวแล้วเริ่มใหม่
การทำงานทุกอย่างจะสำเร้จได้นั้นต้องอาศัยหลายๆ อย่าง ทั้งความตั้งใจจริง ขยันและอดทน
แสดงความคิดเห็น