7/04/2554

บันทึกไฟใต้ แด่ครูผู้เสียสละ


            
เป็นหนังสือที่เล่าถึงประสบการณ์ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผู้เขียนที่ใช้นามว่า ธาม คนสัญจร ได้ประสบมากับเหตุการณ์ในตลอดช่วงระยะเวลา ที่ทำงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของทีมแพทย์ บางครั้งก็ออกไปเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อไปช่วยรักษาประชาชนที่อยู่ห่างไกล และบ่อยครั้งที่จะต้องออกไปชันสูตรศพนอกพื้นที่ หนังสือเล่มนี้เป็นการบันทึกเรื่องราว ของ ธาม คนสัญจรที่ลงพื้นที่ในแต่ละครั้ง ทำให้ได้ข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ที่เจอด้วยตัวเอง ฉะนั้นในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นข้อมูลในเชิงลึกมากว่า ที่ออกตามสื่อ ในความสลับซับซ้อน ของกระบวนการ ขั้นตอน ในการก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เกิด ควา
มหวาดผวา
ต่อสถานการณ์ในแต่ละวันว่าวันนี้จะเกิดอะไร จะเกิดที่ไหน แล้วหวั่นว่าวันที่เหตุการณ์เหล่านั้นวันไหนที่จะมาคร่าชีวิตพวกเขา จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่นับวันจะทวีระดับความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ขาดบุคลากรในการปฏิบัติงาน ทั้งที่ถูกคร่าชีวิตไปกับเหตุความรุนแรง และไม่มีใครกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงตายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะเหมือนเอาชีวิตมาทิ้ง

             
                   """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

             
      
ธาม คนสัญจร ได้บันทึกเหตุการณ์ ของการก่อความไม่สงบในพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหลักๆแล้วจะพูดถึง เหตุการณ์ที่บ้าน กูจิงรือปะ ที่สองครูสาวถูกจับเป็นตัวประกัน คือ ครูจูหลิง และ ครูศิรินาถ เพื่อต่อรองกดดันให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยในหมู่บ้าน ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับไป
แล้วจากนั้นครูทั้งสองถูกรุมทำร้ายจากคนในหมู่บ้านอย่างเหี้ยมโหด ทารุณ ไร้มนุษยธรรม จนทำให้ครูจูหลิง ไม่ได้สติตั้งแต่นั้น โดยที่ร่างกายไม่มีอาการตอบสนองใดๆ มีเพียงสัญญาณชีพเท่านั้นที่บ่งบอกว่าครูจูหลิงยังไม่เสียชีวิตจนนับเวลาได้
7 เดือน 19 วันที่ครูจูหลิงนอนพักรักษาตัว แล้วลมหายใจสุดท้ายของครูจูหลิงก็หมดลง ซึ่งสร้างความเสียใจให้แก่ ครอบครัว ปงกันมูล
และคนไทยทั้งประเทศ หรือมแม้สื่อต่างประเทศเองก็ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมเหตุการณ์ของ ครูจูหลิงถึงได้รับความสนใจซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีครูที่ตกเป็นเหยื่อกับเหตุการณ์ความรุนแรง แต่ทำไมครูจูหลิงถึงได้รับความสนใจมากกว่า เหตุการณ์อื่นๆนั้นอาจเป็นเพราะว่า ครูจูหลิงมีโอกาสที่จะเลือก จากคะแนนที่ ครูจูหลิง สอบบรรจุได้ลำดับที่ 1 ซึ่งสามารถที่จะเลือกได้ โดยที่ไม่ต้องดั้นด้นไปเป็นครูในที่ๆห่างไกล และอันตรายขนาดนั้น เพราะนั้นไม่ใช่บ้านของเธอ ครูจูหลิงเป็นคน จังหวัดเชียงราย แต่ด้วย ครูจูหลิงมีความตั้งใจดี อยากจะช่วย สอนหนังสือให้เด็กที่ภาคใต้ โดยที่เธอนั้นมองโลกในแง่ดีเกินไปว่า ประเทศไทยอยู่ที่ไหนก็ปลอดภัย เพราะทุกวันนี้ครูหายาก ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นี้คืออุดมการณ์และความกล้าหาญ ที่คนทั้งประเทศต่างยอมรับและยกย่องเช่นวีรสตรี
             มีอีกหลายเหตุการณ์ที่
ธาม คนสัญจร ได้ไปสัมผัสแล้วนำมาเล่าถึงสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัด จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นนั้นดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลาที่ยาวนาน ไม่มีรัฐบาลใดที่จะแก้ปัญหาไฟใต้ได้ จึงอยากให้รัฐบาลทุกฝ่ายหันมาสนใจและร่วมมือกันในการแก้ปัญหา
เลิกทะเลาะชิงดีชิงเด่นและมาสนใจกันอย่างจริงจัง เพราะบรรยากาศในชีวิตความเป็นอยู่ และความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ที่ต้องทนอยู่กับสถานการณ์ที่กดดันของเจ้าหน้าที่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ เช่น ประชาชนในพื้นที่ถูกข่มขู่และถูกฆ่า ถ้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร เป็นแนวร่วมของการก่อความไม่สงบ


                                                ......................................................

           
            โดยหนังสือเล่มนี้ อยากให้ เข้าใจ และ เข้าถึง เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ร่วมกัน ว่ามีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นรายวัน ว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่ละคร ที่รับรู้แล้วผ่านไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น ยิงรถตู้โดยสาร จับครูเป็นตัวประกัน ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ วางระเบิดวัด ทำร้ายพระสงฆ์ ซึ่งทำให้สูญเสียอีกหลายชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ในการก่อเหตุความไม่สงบในสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ อยากให้ทุกฝ่ายให้ความสนใจเหตุการณ์ในประเทศ นอกจากเหตุการณ์ต่างประเทศ เพราะนี้ถือเป็น ความมั่นคงของประเทศ เพราะไม่ใช่แค่เก็บค่าคุ้มครอง หรือ เผาโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน บันทึกเล่มนี้ ถือเป็นบันทึก ท่ามกลางกองศพ คาวเลือด เสียงระเบิด ควันปืน และคราบน้ำตา บันทึกเล่มนี้ยังทำให้รู้ว่า การที่ประชาชนในพื้นที่ไมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ในการปฏิบัติงานนั้นสาเหตุมาจาก ประชาชนตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่แฝงตัวในหมู่บ้านแทบทุกที่ แล้วกลายเป็นว่าชาวบ้านจะต้องจัดตั้งหน่วยดูแลความปลอดภัยให้กับตัวเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เอาตัวแทบไม่รอด เสมือนกับอำนาจรัฐยังอ่อนแอ เพราะดูเหมือนว่าไม่เกรงกลัวและยังท้าทาย เช่น การวางระเบิดรายวัน ทางหน่วยราชการจึงมีการจัดตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในการรักษาทรัพย์สินของราชการและเจ้าหน้าที่กันเอง จนทุกวันนี้สถานที่ราชการ มีสภาพไม่ต่างไปจากค่ายทหาร หรือแม้แต่ วัด ก็มีกระสอบทรายบังเกอร์ รั้วลวดหนาม รถหุ้มเกราะ รวมทั้งปืนกลตั้งอยู่หน้าประตูเข้า ธาม คนสัญจร ยืนยันว่าในปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นไม่ได้ขัดแย้งกันในเรื่องศาสนา เพราะทั้งไทยมุสลิมและไทยพุทธยังคงทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ มีเหตุการณ์หลายต่อหลายครั้งที่ ไทยพุทธจะตกเป็นเป้าหมายในการทำร้ายมากว่า ไทยมุสลิม เพราะ ที่กลุ่มก่อความไม่สงบทำลงไปนั้นเป็นการทำเพื่อพระเจ้า ถือว่า ทุกคนที่อยู่นอกศาสนานั้นเป็นศัตรู จะต้องฆ่าให้หมด สิ่งที่ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นประจำ คือ รถฮัมวี่ เป็นรถที่ติดปืนกลเอ็ม 60 แล้วก็จะตามมาด้วยรถตำรวจอีก 3-4 คัน แสดงว่าเกิดเหตุขึ้นที่ใดซักแห่ง มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่ผู้คนที่นี้ก็ใช้ชีวิตกันตามปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ผ่านไปไม่กี่นาที ถ้าเป็นที่อื่นคงพูดกันไม่จบไม่สิ้น แต่คนที่นี้ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย จนกลายเป็นความเคยชิน ที่ทุกคนจะไม่ตื้นเต้น หรือ ตกใจ หรือเป็นเพราะว่ารู้ว่าต้องเกิดขึ้น หรือรู้ว่าใครทำ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ฉะนั้นตนและคนในครอบครัวจะได้รับความเดือดร้อน จึงไม่มีใครสนใจเท่าที่มันควรจะได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเหล่า แพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ จะต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทหาร ตำรวจ ยังมีปืนไว้สู้กับคนร้าย แต่เหล่า แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยแพทย์ คนขับรถ ในการส่งคนไข้ที่อาการสาหัสจากเหตุความรุนแรงในแต่ละครั้งนั้น ก็มีแค่ เข็มฉีดยาที่จะไว้สู้กับคนร้าย ถึงทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะส่งตำรวจในการคุ้มครองความปลอดภัยในการเดินทางแต่ละครั้ง แต่นั้นไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้น เลยแม้แต่น้อย กลับตกเป็นเป้าหมายของคนร้ายอีกต่างหาก ในการทำงานจึงยากลำบากมาก ในบางครั้งจากที่ต้องดูอาการของคนไข้ในรถฉุกเฉินแล้วยังต้องคอยระวัง สิ่งผิดปกติบนท้องถนน หรือระวังรถที่ขับตามหลังมา ซึ่งต้องทำงานบนความเสี่ยงเป็นอย่างมาก


                         ................................................
ประโยชน์ที่ได้จาก บันทึกไฟใต้ แด่ครูผู้เสียสละ
สถานการณ์
         
              จากหนังสือเล่มนี้ทำให้รู้ถึงสถานการณ์ที่ตรึงเครียดตลอดเวลา ในสามจังหวัดที่ต้องเผชิญทุกๆวัน และเข้าใจถึงสถานการณ์มากขึ้น เหตุการณ์ที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความป่าเถื่อน โหดร้ายทารุณเกินมนุษย์ ที่มนุษย์จะกระทำต่อกันคือ เหตุการณ์ ที่บ้าน กูจิงรือปะ ที่ ครูจูหลิงโดนชาวบ้านรุมทำร้ายจนเสียชีวิต และหลายๆต่อหลายครั้งที่มีการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้ แต่ก็ด้วยจากความเชื่อทางศาสนาก็เป็นอีกสิ่งที่สนับสนุนต่อการกระทำ ที่ทำให้ไม่รู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ผิด ก็ยิ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ที่จะต้องได้รับความเข้าใจ และเข้าถึงสถานการณ์ มากว่าการก่อเหตุความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มผู้ที่ก่อความไม่สงบเอง แล้วทำให้รู้ว่าเหตุความขัดแย้งที่ไม่รู้ว่าวันใดที่จะจบสิ้นนั้น ยังไม่มีการช่วยเหลือที่ดีที่ถูกทางเท่าที่ควร เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครอยากเอาชีวิต ของตัวเองไปเสี่ยงเพราะไม่ว่าจะเป็นใครในสามจังหวัดชายแดนใต้ ต่างมีสิทธิ์ที่จะจบชีวิตกันทุกคน จึงสมควรที่จะได้รับการแก้ปัญหาและทุกหน่วยทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเร็ว กว่าที่เหตุการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ จากที่มีการปรับแผน การรับมือ การเตรียมการป้องกัน การรักษาความปลอดภัย ให้กับชีวิตและทรัพย์ทั้งของตนเอง และของทางราชการ การระดมความคิดในการแก้ปัญหาภาคใต้ ถึงปัจจุบันนี้เหตุการณ์ก็ยังไม่คลี่คลายซ้ำร้ายยิ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน จึงถึงเวลาแล้วที่จะเปิดพื้นที่เจรจา เพื่อร่วมกันแก้ไขทั้งคนในพื้น ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แกนนำ หรือแม้กระทั่ง กลุ่มผู้ก่อการร้าย เพื่อยุติเหตุการณ์สะเทือนขวัญ และ บั่นทอนกำลังใจของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่หวังจะใช้ชีวิตตามปกติสุขได้ดังเดิม

ชีวิตความเป็นนอยู่

         
              ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องใช้ชีวิตอยู่กันแบบหวาดผวา ไม่เป็นอันทำมาหากิน เหมือนพื้นที่ทั่วๆไป เช่น ในด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ ในเรื่องของการค้าขายก็ไม่คึกคักเหมือนกับที่อื่นๆ ที่เวลาประมาณ 6 โมงเย็นจะมีคนออกมาจับจ่ายใช้สอย พบปะ สังสรรค์กันตอนเลิกงาน นี้คือชีวิตปกติที่ทุกพื้นที่จะต้องกระทำ ที่ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข แต่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลับตรงกันข้าม ถ้าหลัง 6 โมงเย็นทุกบ้านจะเริ่มปิดประตูเงียบ เพราะเกรงจะได้รับอันตราย เป็นกันแบบนี้ทั้งเมือง ซึ่งอันที่จริงแล้วสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ถ้ามองกันในเรื่องเศรษฐกิจสมควรที่จะเป็นทำเลทองในการสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ ทั้งในเรื่องของ ผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น แบรนด์ ฮาลาลที่เป็นอาหารของชาวมุสลิม ซึ่งถ้าทำให้ดี เพราะสังคมของชาวมุสลิมนั้นถือว่าใหญ่พอสมควร แล้วยังมีทำเลเรื่องของท่าเรือ ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการขนส่ง แต่ก็ทำได้ลำบากเนื่องมาจากความไม่สงบ ที่เกิดขึ้น เพราะการที่คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีชีวิตที่ดีต้องมีรายได้ มีงานทำ ซึ่งในแนวคิดทางด้านเศรษฐกิจ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

อนาคตของชาติ

              
            เด็กที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่เหมือนที่อื่น เนื่องจาก โรงเรียนโดนเผา ครูโดนทำร้าย มีการข่มขู่การวางระเบิด เป็นเหตุให้ต้องหยุดพักการเรียน เป็นช่วงๆ ทำให้การเรียนนั้นล่าช้า มีผลต่ออนาคตของเด็ก ที่จะต้องได้รับความรู้ให้เต็มที่ ในช่วงวัยเรียน

สภาพทางจิต

           
           จากเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในสามจังหวัด ชายแดนใต้นั้น มีการสูญเสียจำนวนมาก ทั้งครอบครัว คนรัก คนรู้จัก ก็จะส่งผลต่อสภาพจิตใจของคนในพื้นที่ ที่ต้องเผชิญ กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด บางครอบครัวพ่อกับแม่ตายหมด ต้องกลายเป็นลูกกำพร้า ทำให้ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไมได้ ก็มีผลต่อสุขภาพจิต ที่จะต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ ซึ่งตอนนี้ก็ขาดจิตแพทย์

ความเดือดร้อน

          
          ในด้านความเดือดร้อนที่ต้องเผชิญกันทุกหย่อมหญ้า ทุกที่ไม่มีที่ปลอดภัย เพราะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าภัยจะมาเมื่อใด รูปแบบใด ฉะนั้นจะต้องมีการเตรียมการวางแผนกันรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ในการเดินทางไปมาหาสู่กัน ก็ไม่ปลอดภัยอย่างที่รับรู้กัน แม้แต่รถตู้โดยสารยังตกเป็นเป้าหมายของกการก่อการร้าย และด้วยสภาพแวดล้อม ที่เป็นภูเขา และล้อมรอบด้วย ป่ายาง เสียเป็นส่วนใหญ่ ถนนหนทางจึงดูเปลี่ยวแม้จะเป็นกลางวันก็ตาม 
                                              
ข้อเสนอแนะ

           การรักษาความปลอดภัย ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น แทบจะในทุกพื้นที่จะมีชุดรักษาความปลอดภัย แต่ก็ไมได้ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้นเกรงกลัว แต่กลับท้าทาย เช่น เหตุการณ์
มัสยิดกรือเซะที่ทำมีให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต จำนวนมากจากการบุกฐานทัพ จากเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความอุกอาจของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่อำนาจรัฐไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ซึ่งเหมือนกับว่าเป็นพื้นที่ ที่กฎหมายยังเข้าไม่ถึง ฉะนั้นแล้ว ก่อนที่จะทำให้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเกิดความสมานฉันท์ จะต้องทำให้พื้นที่นั้นมีอำนาจรัฐที่เข้มแข็ง ที่ไม่สามารถเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบประสานงานหรือสร้างแนวร่วม โดยใช้ชาวบ้านในพื้นที่เป็นเครื่องมือ ในการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น การใช้เด็ก และ ผู้หญิง เป็นรั้วในการป้องกัน หรือสกัดกั้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ เช่น ในเหตุการณ์ ของครูจูหลิง ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ทัน ถ้าสามารถที่จะแก้สถานการณ์ที่กดดันที่เกิดขึ้นต่อชาวบ้าน ที่ไม่สามารถเพิ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ ในด้านของความปลอดภัยถ้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คงจะดีขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่สามารถที่จะเข้าไป ขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งในตรงจุดนี้ควรที่จะมีการเตรียมการอย่างเข้มแข็งกระทำอย่างจริงจัง มีการประสานงานกันครอบคลุมกันทุกหน่วย มีการวางแผนและเตรียมแผนการมีทั้งแบบรุกและแบบรับ ให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้ตลอดเวลา เช่น การเตรียมอาวุธให้พร้อมทุกสถานการณ์ ในหน่วยรักษาความปลอดภัยทางบก อากาศ ในการช่วยเหลือ ถ้าในพื้นที่ ที่เสี่ยง การเข้าถึงยากก็ควรที่จะมี เอลิคอปเตอร์ ในการขนส่ง หรือ อำนวยความสะดวก ให้แก่เจ้าหน้าที่ ในการเข้าไปช่วยเหลือ เป็นต้น

อ้างอิง : ธาม คนสัญจร. บันทึกไฟใต้ แด่ครูผู้เสียสละ. กรุงเทพฯ : สารคดี , 2550.

17 ความคิดเห็น:

สานฝัน กล่าวว่า...

สะท้อนปัญหาของสังคม ที่ทุกคนมองว่าเป้นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ในภาพของสามจังหวัดชายแดนใต้นั้น ยังคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาอยู่ ..อ่านแล้วอยากให้มีการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

poohza กล่าวว่า...

น่าอ่านมาก

somsa กล่าวว่า...

น่ากลัว...+++ เป็นกำลังใจให้คนในสามจังหวัดชายแดนไต้นะคะ

senasee กล่าวว่า...

เป็นกำลังใจให้นะคะ

wannapa.nujum@gmail.com กล่าวว่า...

น่าอ่านม๊าก เนื้อหาสาระดี ได้แง่คิด

nujum กล่าวว่า...

เกราะที่เข้มแข็งที่สุด........
นั้นคือคนไทยรักกัน.............

jubajub กล่าวว่า...

ปัญหาที่เกิดขึ้นหากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อาจจะสงบลงได้โดยเร็ว

katty กล่าวว่า...

ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยการจัดระเบียบสังคม รวมทั้งทุกคนเองก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย

jinny กล่าวว่า...

ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เราทุกคนจะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ

belley กล่าวว่า...

น่าสงสารครูจูหลิงจัง t^t

darin กล่าวว่า...

สู้ๆๆค่ะ ใช้สติ ก่อนตัดสินใจ

ana กล่าวว่า...

เกิดชาติเดียวกันต้องรักสามัคคีกันไว้คะ หากคนไทยด้วยกันไม่รักกัน แล้วจะรอให้ใครมารักคะ สู้ๆคะ

senasee กล่าวว่า...

ชีวิตจริง ช่างน่ากลัวกว่าที่คิด

pampam กล่าวว่า...

ในพื้นที่นั้นน่ากลัวจังอ่ะ

somsa กล่าวว่า...

ควรที่จะหาทางแก้ไขโดยเร็ว เพื่อประโยชนืสุขของคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

belley กล่าวว่า...

น่ากลัวจัง สู้ๆ ^^

junjira กล่าวว่า...

อยากให้ทุกคนช่วยกัน...แล้วเราจะผ่านพ้นมันปัยด้าย

แสดงความคิดเห็น