7/09/2554

วิธีคิด ที่ทำให้ชีวิตของคุณ ประสบความสำเร็จและแตกต่างกว่าคนอื่น



 
วิธีคิด   ที่ทำให้ชีวิตของคุณ ประสบความสำเร็จและแตกต่างกว่าคนอื่น
หยุด !  อย่ารีบกิน มาร์ชมาลโลว์ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จทั้ง งาน เงิน และชีวิต
โดย: ดร.โจอาคิม   เดอ   โพซาด้า   และ   เอลเล็น  ซิงเกอร์
            อาร์เธอร์  ป็นคนฉลาด  สามารถแก้ปริศนาอักษรไขว้ใน  หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์  ได้ในเวลา 30 นาที  สามารถวิเคราะห์เศรษฐกิจของลาตินอเมริกา ได้ในเวลาครึ่งชั่วโมง  และคำนวณตัวเลขในหัวได้เร็วกว่าคนส่วนใหญ่ที่คำนวณโดยใช้เครื่องคิดเลข แต่ …. เขากลับเป็นแค่คนขับรถ   โจนาธาน  เพเชี่ยน  ฉลาดพอๆ กับ อาเธอร์ ทำงานหนักเท่าๆ กัน แต่โจนาธานเป็นเศรษฐีพันล้าน  ทำไม โจนาธานจึงนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถยนต์คันใหญ่ ในขณะที่อาร์เธอร์ นั่งอยู่ด้านหน้าเป็นคนขับ
สาเหตุที่ทำให้คน 2 คนที่ฉลาดพอๆ กัน แต่กลับมีชีวิตที่แตกต่างกัน
             คำตอบอยู่ที่การวิจัยครั้งสำคัญของ   มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด  ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา   นักวิจัยได้ทดลองปล่อยให้เด็ก ๆ อยู่ในห้องตามลำพัง และแจกขนม มาร์ชมาลโลว์”( คือขนมหวานชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเบาคล้ายฟองน้ำ ทำจากเจลาติน น้ำตาล น้ำเชื่อมข้าวโพด แป้ง และโรยด้วยน้ำตาลผง มีหลากหลายสี เป็นขนมที่เด็กๆ ชื่นชอบและอร่อยมาก) ให้เด็กคนละก้อน   จากนั้นเสนอให้เด็กเลือกว่าจะกินมันเข้าไปทันทีหรือจะคอยอีก 15 นาที ถ้าเด็กคนไหนคอยได้ พวกเขาก็สัญญาว่าจะให้มาร์ชมาลโลว์แก่เด็กคนนั้นเพิ่มอีกก้อน  ซึ่งจากการทดลองพบว่า  เด็กบางคนอดใจไม่ได้กินขนมมาร์ชมาลโลว์เข้าไปทันทีในขณะที่บางคนเลือกที่จะคอย !
           ทฤษฎีนี้สามารถอธิบายได้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมคนบางคนจึงประสบความสำเร็จ  ในขณะที่บางคนล้มเหลว  !
               โพซาด้า เชื่อว่า   ความแตกต่างที่สำคัญของความสำเร็จและความล้มเหลวมิได้อยู่ที่การทำงานหนักหรือมีสติปัญญาที่เหนือกว่า   แต่อยู่ที่ความสามารถในการ   ห้ามใจตัวเองให้ชะลอความอยากได้รับความพอใจลงก่อนหรือการรู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน”  นั่นคือ  คนที่  ห้ามใจไม่กิน  มาร์ชมาลโลว์’  จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า
               ผลวิจัยออกมาว่า   เด็กที่สามารถยับยั้งใจไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์ได้นั้นมีผลการเรียนที่ดีกว่า   สามารถเข้ากับคนอื่นได้ดีกว่า   และจัดการกับความเครียดได้ดีกว่าเด็กที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้กินขนม    มาร์ชมาลโลว์ก้อนแรก   จากการทดลองด้วยเวลาสั้นๆหลังจากผู้ใหญ่ออกไปจากห้องกลุ่มเด็กที่สามารถห้ามใจตัวเองไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่ากลุ่มเด็กที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้อย่างมากมาย   ถ้าไม่รู้จักยับยั้งใจตัวเองก็เท่ากับคุณยอมแพ้ให้กับตัวเอง  แน่นอนว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง  แต่ความสามารถในการยับยั้งหักห้ามใจเพื่อไม่ให้สนองความพึงพอใจของตัวเองทันทีทันใด   กลายเป็นปัจจัยที่บ่งบอกถึงความสำเร็จของตัวเราในอนาคตได้ 
             คนที่ประสบความสำเร็จต้องเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา    มีคนบางคนทำเงินได้มากโดยที่ไม่ให้ความสำคัญกับข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับคนอื่นแต่สุดท้าย  ไม่ช้าก็เร็วผู้คนเหล่านั้นก็จะรู้ทัน  และที่สำคัญคือคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมอบสิ่งที่เราต้องการถ้าพวกเขาไว้วางใจเรา  คนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องใช้ความศรัทธาและการมีแรงจูงใจ   คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนตระหนักว่า   การที่จะได้ในสิ่งที่คุณต้องการจากคนอื่น   คนอื่นต้องมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือคุณเสียก่อน   คนเราไม่สามารถควบคุมคนอื่นและไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่ได้แต่เราสามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเราเองได้และวิธีการที่เราประพฤติปฏิบัตินั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อวิธีการที่คนอื่นประพฤติปฏิบัติรวมทั้งสิ่งที่เราทำในเหตุการณ์และปฏิกิริยาของเราที่มีต่อเหตุการณ์นั้นสำคัญกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ  การปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่างทำให้เรามีอำนาจในการจูงใจคนได้อย่างมากซึ่งมีอำนาจในการโน้มน้าวใจผู้อื่นได้เป็นอย่างดี   นี่คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการนำเราไปสู่ความสำเร็จ  
             ความสำเร็จเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณเต็มใจทำในสิ่งที่คนไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำ   สิ่งที่กำหนดอนาคตของเรา  ไม่ใช่สิ่งที่เคยได้ทำมาในอดีตแต่คือสิ่งที่เราเต็มใจจะทำในปัจจุบัน   ทำชีวิตให้ดีขึ้นด้วยกฎ  30 วินาที ’  ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่คุณสามารถเชื่อมโยงเข้ากับผู้อื่นได้  คนเหล่านั้นจะเป็นคนตัดสินใจว่าเขาจะเชื่อมโยงเข้ากับคุณได้หรือไม่ภายใน 30 วินาที  แรกที่พบคุณ  ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า  20  เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จทางด้านการเงินของคุณนั้นมาจากทักษะ  พรสวรรค์  และความรู้ของคุณ  ขณะที่อีก  80  เปอร์เซ็นต์มาจากทักษะเกี่ยวกับ คน ’  ของคุณความสามารถในการเชื่อมโยงเข้ากับคนอื่นและการได้รับความไว้วางใจรวมถึงความนับถือจากคนอื่น   ยิ่งคุณสามารถเข้ากับคนอื่นได้มากเท่าไหร่  คุณก็ยิ่งมีโอกาสได้รับในสิ่งที่คุณต้องการมากขึ้นเท่านั้น   ผลตอบแทนล้ำค่าจากการฝึกห้ามใจตัวเองตามทฤษฎี  มาร์ชมาลโลว์ความสำเร็จส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าคุณเชื่อมโยงตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้ดีแค่ไหน  จุดมุ่งหมาย  +  ความปรารถนาอย่างแรงกล้า  +  การกระทำ  =  ความสงบสุขในจิตใจ  ”   เมื่อมีจุดมุ่งหมายและความปรารถนาก็จะทำให้ได้รับความสงบสุขในจิตใจ   เมื่อคนเรามีเป้าหมายและรู้สึกตื่นเต้นที่จะบรรลุถึงมันอีกทั้งทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย  ผลก็คือความสงบ   ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตที่ดีแล้ว  สิ่งที่เต็มใจทำในวันนี้  เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้
             การห้ามใจตัวเองไม่ให้กิน   มาร์ชมาลโลว์”  ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทฤษฎี  แต่มันสามารถประยุกต์ให้เป็นประโยชน์ต่อวิธีการดำเนินชีวิต  ไม่ว่าคุณจะมีอาชีพอะไร  คำจำกัดความของความสุขของคุณคืออะไร  ชีวิตความฝัน  หรือชีวิตทางธุรกิจในอุดมคติของคุณคืออะไร  การใช้วิธีห้ามใจไม่รีบกิน มาร์ชมาลโลว์จะทำให้คุณประสบความสำเร็จโดยไม่สำคัญว่าคุณจะมี มาร์ชมาลโลว์’  มากหรือน้อยที่อยู่แค่เอื้อมมือคว้าของคุณ  คนทุกคนสามารถมี มาร์ชมาลโลว์’  ได้อย่างล้นเหลือหากทำตามหลักการในหนังสือเล่มนี้
              แผนการเปลี่ยนแปลงชีวิต  5  ขั้นตอน
1. คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ? กลยุทธ์ใดที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้เพื่อไม่รีบกิน มาร์ชมาลโล’  ของคุณ  อะไรที่คุณมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง
2. จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคืออะไร คุณจำเป็นต้องปรับปรุงอะไรบ้าง  แล้วคุณจะปรับปรุงให้ดีที่สุดได้อย่างไร
3. เป้าหมายหลักของคุณคืออะไร เลือกมาอย่างน้อยห้าเป้าหมายและเขียนมันลงไป  หลังจากนั้นเขียนสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น
4. แผนการของคุณคืออะไร ให้เขียนมันลงไป  ถ้าคุณมองไม่เห็นเป้าหมาย  คุณก็ไม่สามารถบรรลุมันได้
5. คุณจะทำอะไรบ้าง  เพื่อให้แผนการของคุณกลายเป็นการกระทำ คุณมุ่งมั่นที่จะทำอะไรในวันนี้  พรุ่งนี้  อาทิตย์หน้า  ปีหน้า  เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายของคุณ  คุณจะต็มใจทำในสิ่งที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำได้อย่างไร
          จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ คือ เป็นหนังสือที่ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อให้ประสบ และผลสำเร็จในชีวิต  ซึ่งหนังสือเล่มนี้ใช้เรื่องเล่าง่าย ๆ ผ่านตัวละคร 2 ตัว  คือ อาร์เธอร์ และโจนาธาน เพเชี่ยน และได้สอดแทรก วิธีคิดในการใช้ชีวิตที่ดี ป็นบทเรียนให้กับอาร์เธอร์
        จุดด้อยของหนังสือเล่มนี้ คือ เป็นการเสนอแนวความคิดที่เขียนจากงานวิจัยเรื่อง  ทฤษฎี มาร์ชมาลโลว์ ”  แต่การนำมาปฎิบัติในชีวิตจริงอาจจะทำยากและจำเป็นต้องใช้เวลาในการนำมาปฎิบัติ
        ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ คือ  หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกๆ คนที่ต้องการมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จที่แตกต่างจากคนอื่น  และแน่นอนมันเหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต  ซึ่งบทเรียนจากหนังสือเล่มนี้จะเปลี่ยนวิธีคิดและชีวิตของเราได้ และยังแสดงให้เห็นว่าการกระทำของเราในวันนี้ สามารถส่งผลต่ออนาคตของเรา เพียงแต่ไม่รีบกิน        มาร์ชมาลโลว์ และจะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จและแตกต่างกว่าคนอื่น  ดังนั้นการที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นเราจึงควรที่จะอดทน รอคอย  มีความตั้งใจจริงในการทำสิ่งต่าง ๆ  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลาไม่สามารถที่จะทำสำเร็จได้ในเวลาสั้นเพียง วันสองวัน    ทุกอย่างจึงต้องอาศัยความพยายาม  ในไม่ช้าก็จะประสบความสำเร็จได้

อ้างอิง  :  เนืองนันต์  สำรวจรวมผล, ผู้แปลวิธีคิดที่ทำให้ชีวิตของงคุณประสบความสำเร็จและแตกต่างกว่าคนอื่น . นนทบุรี : 108 สุดยอดไอเดียม, 2537.

9 ความคิดเห็น:

somsa กล่าวว่า...

ถ้าเป็นเด็ก..ก็คงกินก่อนถึง 15 นาที แน่เลย แต่บางครั้งในการตัดสินใจเร็วก็มีประโยชน์และประสบความสำเร็จ ให้ทันกับโลก

wannapa.nujum@gmail.com กล่าวว่า...

การที่จะประสบความสำเร็จได้ เราต้องมีความมุงมั่นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย

jubajub กล่าวว่า...

เราควรตั้งเป้าหมายในชีวิต แล้วปฏิบัติตามเป้าหมายนั้น ให้เกิดขึ้นจริง

katty กล่าวว่า...

กำลังใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้

jinny กล่าวว่า...

ความสุข เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ที่สามารถแสวงหาได้ ด้วยตัวของเราเองค่ะ

belley กล่าวว่า...

การทำอะไรในทุกๆอย่างต้องทำอย่างตั้งใจ จึงจะประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง

senasee กล่าวว่า...

สิ่งที่สนใจ นำไปสู่การเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจ โอกาสและประสบการณ์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถช่วยให้คุณ ประสบความสำเร็จได้

Chicha กล่าวว่า...

มีกำลังใจขึ้นเยอะเรยยอ่าาา...^___^

junjira กล่าวว่า...

การจะประสบความสำเร็จ จะต้องกล้าที่จะตั้งเป้าหมายแล้วควรจะชัดเจนด้วย เพราะถ้าเราไม่มีเป้าหมาย ชีวิตของเราก็คงเดินไปเรื่อยๆ ไม่ถึงไหนซักที เพราะเมื่อมีเป้าหมาย เมื่อเราทำถึงแล้วจะได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นไปอีก เราจะได้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แสดงความคิดเห็น