7/04/2554

ทะเล จำปี ดนตรี ทราย



               ทะเล จำปี ดนตรี ทราย เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อ “จำปี” ผู้ไร้เดียงสา อยู่กับพ่อและแม่ และยังมีบ้านของญาติพี่น้องอาศัยอยู่ใกล้ๆกันจึงทำให้จำปีได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่เด็กๆจากทั้งพ่อและแม่รวมถึงญาติของเธอด้วย ซึ่งหญิงสาวผู้ไร้เดียงสานี้มีคู่หมั้น คือ “ดนตรี” ดนตรีเป็นคนที่พ่อและแม่เลือกให้เพราะคิดว่าเหมาะสมกับลูกสาวมากที่สุดทั้งฐานะทางบ้าน นิสัย รูปร่างหน้าตา อีกทั้งดนตรียังเป็นลูกของนักร้อง และนักแต่งเพลงใหญ่ที่มีคนรู้จักมากมาย แต่แล้วความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะดนตรีเคยติดยาเสพย์ติดโดยที่ไม่มีใครรู้นอกจากจำปี แต่ดนตรีก็เลิกโดยการหักดิบด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจเข้ารับการบำบัดแบบผู้ที่ติดยาเสพย์ติดที่เข้ามาบำบัดกัน ซึ่งการไปบำบัดครั้งนี้ไม่มีผู้ใหญ่รับรู้ มีเพียงแค่จำปีเท่านั้นที่รับรู้และไปส่งดนตรีอีกทั้งยังต้องเซ็นต์ชื่อเป็นผู้ปกครองให้เขาด้วย   และแล้วดนตรีก็ล่ำลาแฟนสาวของตนเอง เสร็จจึงหันหลังเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปด้านในสถานบำบัด แต่จำปีนั้นกลับต้องมานั่งคิดมากอยู่คนเดียวด้วยว่าดนตรีที่เป็นคู่หมั้นของเธอนั้นต้องหายไปหลายวันแล้วเธอจะตอบพ่อและแม่ของเธออย่างไรถ้าท่านถามถึงดนตรี เพราะดนตรีนั้นจะมาส่ง และมาอยู่กับจำปีทุกวัน เนื่องจากดนตรีนั้นยังไม่ได้ทำงาน อยู่ไปวันๆด้วยการใช้มรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ จึงทำให้เขามีเวลาอยู่กับแฟนสาวของเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่จำปีกลุ้มใจ และเศร้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้เธอชวนเพื่อนไปเที่ยวในผับที่เพื่อนสาวเธอเคยเล่าให้ฟัง ครั้นไปถึงเพื่อนของเธอก็เรียกผู้เป็นเจ้าของร้านนั่นคือ “พี่เดียร์” เพื่อให้พี่เดียร์มาหาและแนะนำจำปีให้พี่เดียร์รู้จักพร้อมกับนั่งพูดคุยกัน พี่เดียร์ก็แนะนำให้ลองชิมพวกพั้นซ์ผลไม้โดยที่เธอจะเป็นผู้ผสมเอง ซึ่งจำปีก็จิบจนหมดไปแก้วแล้วแก้วเล่า เพื่อหวังว่าจะได้ลืมปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกับฟังเพลงที่พี่เดียร์ชอบร้องบ่อยครั้ง นั้นคือ “เพลงจำปีผีเสื้อ” สักชั่วครู่ จำปีและเพื่อนก็พากันกับบ้าน พอเช้าวันรุ่งขึ้นจำปีก็ต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อหลบหน้าพ่อและแม่ เนื่องจากยังไม่รู้จะตอบคำถามที่ดนตรีหายหน้าไปได้อย่างไร
               ครั้นพอคุณตลับพลอยซึ่งเป็นแม่ของดนตรีโทรศัพท์มาหาเธอนั้น ท่านก็ถามว่าทั้ง 2 คนหายหน้าไปเลยนะ จำปีก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าดนตรีนั้นกำลังบำบัดรักษาตัวเองอยู่ในขณะนี้ แต่จำปีนั้นก็ได้แต่ปฏิเสธคุณตลับพลอยแม่ของดนตรีไปต่างๆนานา คุณตลับพลอยก็ถามถึงเรื่องของชำร่วยงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในเร็ววันนี้ว่าจะเอาเป็นแบบไหน แล้วท่านก็จะส่งมาให้จำปีเลือกอีกที หลังจากเลิกงานเย็นวันนี้แล้วจำปีก็ยังไม่อยากกลับบ้านเช่นเคย พอดีกับที่จิโรจซึ่งชอบจำปีอยู่เหมือนกัน แต่พ่อ แม่ของจำปีนั้นไม่ค่อยชอบ จำปีจึงชวนจิโรจไปร้านพี่เดียร์ พอไปถึงได้เห็นพี่เดียร์กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที จิโรจและจำปีก็เข้าไปนั่ง แล้วสั่งเครื่องดื่มมานั่งดื่มกัน สักชั่วครู่ จำปีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยมีพี่เดียร์เจ้าของร้านตามไปโดยไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว แล้วพี่เดียร์ก็พบกับเสียงร้องไห้ของจำปีซึ่งดังมาจากห้องน้ำ เมื่อจำปีออกจากห้องน้ำแล้วพบกับพี่เดียร์ ซึ่งทำทีเป็นว่าพบกับจำปีโดยบังเอิญ ทั้งที่จริงแล้วเขามารอดูเธออยู่นานแล้ว ขณะนั้นจำปีโผลเข้ากอดพี่เดียร์ดั่งพี่สาวของตนเอง และพี่เดียร์จึงพาจำปีไปพักที่ชั้นสองของร้าน เสียงของหญิงสาวพูดออกมาว่า “พี่เดียร์ช่วยลงไปบอกให้จิโรจกลับไปก่อนนะค่ะ หรือบอกอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ให้เขาไปหาพ่อกับแม่ของจำปี”พี่เดียร์เดินลงไปชั่วครู่แล้วจึงเดินกลับขึ้นไปหาจำปี และคุยกันในเรื่องที่จำปีทุกข์ใจอยู่ในขณะนี้ โดยพี่เดียร์แนะนำให้ไปพักผ่อนสัก 2-3 วันที่ทะเล โดยมีที่พักซึ่งเป็นของเพื่อนเขาเอง ชื่อว่า “เนตรสมุทรบังกะโล” เมื่อถึงช่วงเช้าพี่เดียร์ไปส่งจำปีที่ท่าเรือ  ขณะที่นั่งอยู่บนเรือนั้น เด็กควบคุมเรือมาขอดูตั๋วเรือพร้อมกับถามว่า “จะลงที่ไหนครับ” จำปีว่า “เกาะเช้า เนตรสมุทรบังกะโล” แต่เด็กควบคุมเรือนั้นกลับบอกมาว่าเขาเลิกทำกิจการไปนานแล้ว แต่โชคดียังเข้าข้างจำปีอยู่เมื่อเขาเจอกับเด็กคนหนึ่ง ซึ่งเข้ามาพูดคุยถึงเรื่องที่ว่าเนตรสมุทรบังกะโลเขาเลิกไปนานแล้วจริงๆ เหลือแต่บังกะโลของน้องเขา จำปีจึงตัดสินใจไปที่บังกะโลของน้องเขา มีชื่อว่า “ตาน้ำ” โดยมีเจ้าของชื่อ “ทะเล” ซึ่งจำปีมารู้ทีหลังว่าทะเลเป็นน้องของผู้ที่ทำกิจการเนตรสมุทรบังกะโล จึงทำให้จำปีกล้าที่จะคุยในหลายๆเรื่อง แต่การพูดคุยช่วยให้จำปีได้รู้อะไรมากมายในตัวของทะเลทั้งเรื่องของภรรยาเก่าของทะเลคือพี่เดียร์ และเรื่องของลูกเขาด้วย จำปีดูจะชอบตาน้ำมากซึ่งมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น ดำน้ำดูปะการัง เล่นวอลเลย์บอล และยังมีไปชมพระอาทิตย์ตกอีกด้วย เมื่อจำปีอยู่ไปได้สักวันนึง ก็ได้ความอีกว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ฟื้นตัวสำหรับผู้ที่เคยติดยาเสพย์ติดมาก่อน จึงทำให้เขาคิดถึงดนตรี เมื่อถึงวันกลับบ้านจำปีไข้ขึ้นจึงยังไม่สามารถกลับบ้านได้ต้องอยู่อีก 1 คืน และจะกลับวันพรุ่งนี้ แต่ได้สั่งให้เด็กที่เกาะไปโทรศัพท์บอกทางบ้านของตนเองเรียบร้อยแล้ว พอถึงวันที่จำปีได้กลับบ้าน น้าเลก็มาด้วยซึ่งการที่น้าเลขึ้นมากรุงเทพฯครั้งนี้ เพื่อมาหาและตามภรรยานั้นคือพี่เดียร์ให้ไปอยู่ที่ตาน้ำด้วยกัน พี่เดียร์ซึ่งช่วงนั้นธุรกิจร้านอาหารไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนัก จึงตัดสินใจไปอยู่กับทะเลที่ตาน้ำ พร้อมกับลูกชายของพวกเขา 

                  ดนตรีนั้นได้รับการบำบัดอย่างหนักและทรมานมาก แต่แล้วเขาก็ผ่านมาได้ เขาได้เจอเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ  “ทราย” เธอดูเหมือนเป็นคนโมโหง่าย โดยดนตรีมารู้ทีหลังว่าถูกทำร้ายจิตใจมามากในเรื่องของพ่อและแม่เธอนั่นเอง วันหนึ่งดนตรีนั่งเขียนข้อความรวมถึงเล่าเรื่องราวลงในสมุดบันทึกที่จำปีให้ไว้ เพื่อให้แฟนสาวได้รับรู้ถึงชีวิตของเขา แต่ดนตรีรีบจึงวางสมุดบันทึกไว้ที่โต๊ะที่เขานั่ง เมื่อทรายมาเห็นจึงคว้าไป พอเปิดดูด้านในก็พบกับข้อมูลที่สำคัญๆเกี่ยวกับตัวของดนตรีที่จำปีเขียนไว้ให้ วันต่อมาทรายยังพยายามจะหนีออกจากสถานบำบัดแห่งนี้ จนในที่สุดเธอก็หนีออกไปได้ ด้านของดนตรีนั้นก็ได้รับอนุญาตจากคุณหมอเจ้าของไข้ว่าสามารถกลับบ้านได้ก่อนกำหนด เพราะ ร่างกายของเธอนั้นฟื้นตัวและกลับมาแข็งแรงเร็วมาก วันที่ดนตรีได้กลับบ้าน เขาต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นแฟนสาวของตนเองมารับ ดนตรีจึงต้องเซ็นชื่อและกลับบ้านเอง ครั้นเมื่อมาถึงหน้าห้องดนตรีหวังแค่ว่าจำปีนั้นคงจะอยู่ข้างในห้อง แต่เมื่อดนตรีเปิดประตูเข้าไปกลับพบแต่ความว่างเปล่า  เด็กหญิงชื่อทราย หลังจากที่หนีออกจากสถานบำบัดมาได้แล้วจึงไปขออาศัยกับพวกที่เคยเสพย์ติดยาด้วยกัน และได้โทรศัพท์ไปขอที่อยู่ผู้เป็นพ่อจากผู้เป็นยาย โดยเอาชีวิตตัวเองนั้นขู่เพื่อให้ยายบอกที่อยู่พ่อมา จนในที่สุดยายก็ยอมบอกเธอ ซึ่งที่อยู่ของพ่อเธอคือ “เนตรสมุทรบังกะโล” เธอจึงเริ่มออกตามหาในทันที ทรายจำชื่อพ่อได้ พ่อชื่อ “สมุทร”หรือ “ทะเล”นั่นเอง โดยทรายก็ออกเดินทางไปยังเกาะเช้าซึ่งมีบังกะโลชื่อเนตรสมุทร แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเนื่องจากบังกะโลแห่งนี้ได้ปิดตัวลงไปแล้ว ทรายจึงตัดสินใจไปอาศัยอยู่กับดนตรี แต่เพียงแค่คืนแรกที่ทรายมาอาศัยอยู่กับดนตรีเท่านั้น พ่อกับแม่ รวมถึงจิโรจ ก็ได้ตามหาตัวจำปีที่หายตัวไป โดยเริ่มจากบ้านเพื่อนของจำปีซึ่งก็ไม่มี จึงไปร้านพี่เดียร์ ครั้นเมื่อถามก็ได้ความว่า ดนตรีเคยติดยาเสพย์ติด แต่เดียร์นั้นไม่ได้บอกว่าจำปีไปอยู่ที่แห่งหนใด จึงทำให้พ่อ แม่ และจิโรจไปตามหาจำปีที่ห้องของดนตรี ซึ่งดนตรีเปิดประตูออกมา พ่อ และจิโรจ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงมานอนอยู่ในห้องของดนตรี จึงกล่าวหาว่าเสพย์ยากัน และได้ต่อว่าดนตรีไปต่างๆนานา รวมถึงสั่งเด็ดขาดว่าห้ามมายุ่งกับจำปีอีกด้วย เมื่อลงมาที่รถซึ่งมีแม่ของจำปีรออยู่ก็ได้ความว่า ป้าของจำปีโทรศัพท์มาบอกว่าจำปีฝากให้คนโทรศัพท์มาบอกแล้วว่าจะกลับบ้านพรุ่งนี้ เนื่องจากจำปีไข้ขึ้น จึงทำให้กลับบ้านไม่ไหว ทรายนั้นเมื่อมาอยู่กับดนตรีเธอก็ช่วยทำกับข้าวให้ และทานอาหารร่วมกัน รวมถึงทั้งสองก็คุยกันจนทำให้ดนตรีนั้นได้รู้จักนิสัยของทรายมากขึ้น เมื่อจำปีได้กลับมาถึงบ้านผู้เป็นแม่ได้คุยกับจำปีเรื่องของดนตรีที่มีผู้หญิงเข้าไปนอนในห้อง พอตกช่วงบ่ายๆ จำปีได้ไปหาดนตรีที่ห้อง และพบกับเด็กผู้หญิงคนที่แม่พูดถึง นั่นคือ ทราย จำปีดูเหมือนจะไม่พอใจที่เรื่องทุกอย่างกลับตาลปัตรมาเป็นแบบนี้ทั้งที่ทั้งสองคนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ฝ่ายดนตรีนั้นก็พยายามอธิบายเหตุผลต่างๆนานา แต่จำปีนั้นไม่รับฟังและกลับบ้านไป  ดนตรีจึงคิดที่จะส่งทรายไปอยู่กับผู้เป็นแม่ของเขาที่เชียงใหม่ แต่ทรายนั้นกลับคิดว่าดนตรีจะผลักให้ตนเองออกไปจากชีวิตเหมือนที่ทุกๆคนทำกับเธอ เมื่อดนตรีเผลอไปนอนพักในห้อง ทรายจึงตัดสินใจกระโดดตึกจากชั้นสิบเอ็ดลงไปเสียชีวิต  และเมื่อเวลาผ่านไปดนตรีได้กลับไปอยู่ที่เชียงใหม่กับแม่ของเขา ส่วนจำปีก็ไปยังตาน้ำที่เงียบสงบ  เมื่อจำปีกลับมาบ้านก็พบกับกล่องไปรษณีย์ที่มาส่งไว้ โดยมีผู้เป็นป้าเป็นคนรับไว้แทน และนำมาส่งให้จำปีเองกับมือ ครั้นเมื่อจำปีเปิดดูก็พบว่าเป็นสมุดบันทึกของจำปีที่เคยให้ไว้กับดนตรี พอเปิดอ่านด้านในจึงพบกับข้อความที่ดนตรีเขียนไว้ให้กับเธอ และอยากให้เธอได้อ่าน ขณะที่พลิกหน้าอ่านไปเรื่อยๆ ก็พบกับข้อความที่ทรายเขียนไว้ตอนที่เขาขโมยสมุดบันทึกของดนตรีไป ซึ่งเป็นการเขียนเกี่ยวกับเรื่องพ่อของตนเอง จึงทำให้จำปีได้รู้ว่าทะเลเป็นพ่อของทรายเช่นกันเมื่อจำปีอ่านก็ต้องน้ำตาไหลโดยไม่อาจกลั้นไว้ได้ และจำปีคิดว่าสักวันจะส่งสมุดบันทึกเล่มนี้ไปให้ทะเลได้อ่านบ้าง

จุดเด่น
            - ได้รับอรรถรสจากการเขียนยุคใหม่ ที่แสดงถึงความคิดและรสนิยมของยุคสมัย ที่ให้ความละเอียดอ่อนละเมียดละไมในความรู้สึกของตัวละครอย่างทั่วถึง รวมทั้งกลวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ งดงามและลึกซึ้งด้วยวรรณศิลป์ของผู้ประพันธ์
            -ได้เรียนรู้ว่าโลกที่แท้จริงนั้นมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง มนุษย์ทุกคนล้วนมีความดีและความชั่วปะปนกันไป และด้วยความเท่าทันโลกสามารถทำให้มนุษย์กล้าที่จะก้าวไปสู่โลกกว้างได้อย่างมั่นคงแข็งแรงที่สุด
จุดด้อย
             ถ้าชีวิตจริงเป็นอย่างในตัวละครที่ชื่อ “จำปี” ชีวิตของคนเราคงต้องขาดโอกาสหลายๆสิ่ง ทั้งขาดการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากโลกภายนอก หรือแม้แต่ขาดประสบการณ์ชีวิตที่คนในรุ่นเดียวกันได้รับรู้ ได้พบเห็น รวมทั้งขาดการเผชิญปัญหาด้วยตนเอง เพราะมีแต่พ่อและแม่ที่คอยวางแผนการใช้ชีวิต รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆให้ทุกอย่าง แต่เมื่อคนที่อ่อนต่อโลกมาพบเจอสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีสีสัน สดใส และมีความสุข รวมไปถึงการหลุดออกจากกรอบที่พ่อ แม่สร้างไว้ให้ก็จะหลงใหลในสิ่งๆนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพย์ติด หรืออบายมุขที่ชวนให้หลงใหลได้โดยง่าย จนอาจเผลอลืมไปว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นด้านมืดและพร้อมที่จะทำลายชีวิตของตนเองลงได้ทุกเมื่อ...


อ้างอิง วัน ณ จันทร์ธาร. (2542). ทะล จำปี ดนตรี ทราย. กรุงเทพ: นิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์.

21 ความคิดเห็น:

สานฝัน กล่าวว่า...

ครอบครัวเปรียบเสมือนสวรรค์ที่อบอุ่น แต่ความครัวก็เป็นนรกได้ ถ้าคนในครอบครัวนั้นเคร่งครัดมากเกินไป หรือ การให้อิสระแก่คนในครอบครัวในการคิดการตัดสินใจน้อยเกินไป ก็จะส่งผลต่อ ความรู้สึก ความนึกคิด ของคนในครอบครัว ถ้าถูกกดทับมากๆๆ จากที่กลายเป็นว่าทำเพราะรัก ทพเพราะอยากให้เขาได้ดี ทำเพราะต้องการสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก หรือคนที่เรารัก จะกลายเป็นว่า พ่อแม่รักแกฉัน

poohza กล่าวว่า...

อยากไปเท่วทะเล

Panjaporn กล่าวว่า...

ผู้เคยเสพยาเสพติดแต่เข้ารับการบำบัดจนหายเป็นปกติแล้ว
สังคมก็ควรจะให้โอกาสกับพวกเขาบ้าง..

somsa กล่าวว่า...

เป็นเรื่องที่ซับซ้อน...นะเรื่องของความรักของคนในครอบครัว ยากต่อการเข้าใจของเด็กวัยรุ่น ในวัยที่กำลังคะนอง 555 +++!!!!

somsa กล่าวว่า...

ความรักของครอบครัวดีที่สุด

wannapa.nujum@gmail.com กล่าวว่า...

ทำให้เราได้แง่คิดว่าคนเราเลือกที่จะเป็นคนดีได้

nujum กล่าวว่า...

ความรัก ความเข้าใจ จะทำให้เรามีความสุขในครอบครัว

jubajub กล่าวว่า...

มีปัยหาอะไร ก็ต้องหันหาคุยกัน แล้วจะผ่านปัญหาไปได้

katty กล่าวว่า...

ค่าของคน อยู่ที่การกระทำ ทำดี ก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว อยู่ที่ว่าจะเลือกปฏิบัติตัวแบบไหน

jinny กล่าวว่า...

ความรัก การเอาใจใส่กัน แล้วร่วมมือกันแก้ปัญหา

heart กล่าวว่า...

ใช้เหตุผลในการพิจารณาแก้ไขสิ่งร้ายๆให้กลายเป็นดีด้วยใจสุขุมเยือกเย็น ท่านก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้

Panjaporn กล่าวว่า...

ต้องยอมรับและให้โอกาสซึ่งกันและกัน ความรักจะได้อยู่ได้นานๆ

belley กล่าวว่า...

ความรักนั้นเมื่อมีปัญหาต้องพูดคุยกันให้เข้าใจ อย่าปล่อยไว้นาน

ultra กล่าวว่า...

ไม่มีคำว่าสายสำหรับการกลับตัวกลับใจ

senasee กล่าวว่า...

ความเข้าใจและไว้วางใจซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่สำคัญ

pampam กล่าวว่า...

ต้องเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน

naratip กล่าวว่า...

ค่อนข้างสับสนค่ะ

belley กล่าวว่า...

ต้องรับฟังและเข้าใจซึ่งกันแระกัน

Chicha กล่าวว่า...

อย่าตัดสินใจแค่เพียงภายนอก เพราะอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้

junjira กล่าวว่า...

อ่านแล้วทำให้ ได้ความรู้ในการใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น

KKzzz กล่าวว่า...

ความรัก ความเข้าใจ สามารถแก้ไขปัญหา ต่างๆได้

แสดงความคิดเห็น