7/09/2554

ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์

                                            ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์
                                   


 
                                    
                
"  ถ้าความฝัน คือ พลังผลักดันให้คนเรามุ่งไปข้างหน้า
                     
ความลับ  ก็คงเป็นแรงผลักดันให้เราต้องมองย้อนไปข้างหลัง
                          
บางครั้งความลับก็ดูสวยงามและมีเสน่ห์
                          
แต่บางครั้งก็อาจฉุดรั้งให้เราพะวักพะวน
กับการก้าวไปข้างหน้าได้เหมือนกัน  "

ในบ้านที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ เด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งแม้จะได้รับความรักอย่างเต็มอิ่มจากผู้เป็นตาและยาย รวมทั้งบรรดาเพื่อนสนิทของแม่ แต่ในใจดวงน้อยก็อดไม่ได้ที่จะมีคำถาม บางส่วนอาจจะได้รับคำตอบแล้ว แต่ความลับบางอย่างยังคงอยู่......และรอให้เข้าไปค้นหา
แม่ของกะทิเหมือนจะเข้าใจดี เมื่อรู้ตัวว่าเหลือเวลาในโลกอีกไม่มากนัก เธอจึงเตรียมการณ์ทุกอย่างเพื่อจะบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ลูกสาวฟัง การค้นพบของกะทิกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเปิดโลกใหม่ให้เด็กหญิง แม้ว่าเนื้อหาของมันจะแสนเศร้า และกะทิยังไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมดก็ตาม เพราะเรื่องของความรัก บางครั้งคนเป็นผู้ใหญ่ก็ยังเข้าใจได้ไม่หมด อย่างที่แม่เองก็ผิดพลาดมาแล้ว และรอให้กะทิเข้ามาช่วยสะสางสิ่งที่แม่ยังคงค้างใจ  และเหนืออื่นใด การได้ใกล้ชิดและรับรู้เรื่องราวในชีวิตของแม่ด้วยวิธีการที่แม่วางไว้อย่างแยบคาย ก็ทำให้กะทิเข้าใจและจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับตนเอง แต่รอบทั้งเรื่องของคนอื่นรอบข้างด้วย บางครั้งความเศร้าก็จำเป็นสำหรับจิตใจ อย่างน้อยก็ทำให้เรามองเห็นความสุขได้ง่ายขึ้น
ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์ เป็นการบอกเล่าเหตุการณ์ที่ต่อจาก ความสุขของกะทิ หัวใจดวงเล็กๆ ที่บอบช้ำจากความโศกเศร้าเพราะสูญเสียผู้เป็นที่รักย่อมต้องใช้เวลาถนอมรักษา และแน่นอนว่าต้องมียาใจที่ถูกต้องในการรับมือ และจัดหาที่ทางให้ความเศร้าอยู่ร่วมในเนื้อชีวิตได้อย่างลงตัว จะช่วยให้ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างไม่ช้ำตรมนัก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
โลกของเด็กหญิงกะทิมีเสียงจากธรรมชาติริมคลองขับกล่อม รายล้อมด้วยผู้รักใคร่มีเมตตา และ
แน่นอนว่าสนุกสนานตามประสาเด็ก แม้ว่าการขาดแม่จะยังเป็นเงาสีเทาในชีวิต ทำให้เหมือนเป็นปมที่ติดตัวกะทิตลอดไป แต่ด้วยความรักของตา ยาย และคนอื่นที่อยู่รอบข้างที่มีให้กะทิก็ทำให้กะทิได้รับความอบอุ่นไม่น้อยกว่าเด็กคนอื่นๆที่มีทั้งพ่อและแม่ ถึงแม้จะมีความรู้สึกไม่อบอุ่นเท่าอ้อมกอดของแม่ก็ตาม แต่ความรู้สึกนั้นก็เป็นได้เพียงความฝันที่ตื่นขึ้นก็จางหายไป มันก็ยังทำให้กะทิรู้สึกดีและไม่อยากตื่นจากความฝันนั้นเลย  ปิดเทอมของกะทิกำลังจะมาถึง และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ประดาประดังเข้ามาจนแทบไม่ทันตั้งตัว พี่สดับที่เคยมาทำงานบ้านประจำอยู่ๆ ก็หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ทิ้งให้พ่อแม่ซึ่งแก่มากแล้วอยู่กันสองคน ลุงตองพี่ชายของแม่มาอาศัยอยู่ด้วยช่วงที่กะทิปิดเทอม ส่วนครูราตรีก็มีท่าทีแปลกๆ ครูชอบนั่งเหม่อลอยและตีสีหน้าเศร้าอยู่บ่อยๆ และกะทิก็ได้ของขวัญสุดพิเศษเป็นสุนัขตัวหนึ่ง เธอตั้งชื่อว่า ฟาโรห์
วันหนึ่ง กะทิได้มีโอกาสไปชมการแสดงลิเกที่งานวัด กับยาย ตา ลุงตอง กะทิเมื่อเห็นครูราตรีก็เลยชวนมานั่งเสื่อด้วยกัน ขณะที่เธอและครูราตรีกำลังเดินไปห้องน้ำ ก็พบกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในผ้าใต้ต้นโพธิ์ เมื่อเปิดออกดูเธอพบเด็กทารกแรกเกิดซึ่งพาความตกใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดกับกะทิ ทารกเพศชายคนนั้นกลายมาเป็นลูกของครูราตรี ลุงตองให้ตั้งชื่อว่าน้องทิวาหรือน้องทิว ตั้งแต่นั้นลุงตองกับครูราตรีก็สนิทสนมกันและกลายมาเป็นคนที่ใกล้ชิดกันมากในที่สุด ลุงตองกลายเป็นพ่อของน้องทิว ส่วนครูราตรีก็เป็นแม่ ทุกคนเอาใจใส่น้องทิวซะจนกะทิรู้สึกว่าตัวเองหมดความสำคัญ พบเจออะไรก็ขัดใจไปเสียหมด
          
วันหนึ่งกะทิถูกวานให้เอาของไปให้ครูราตรี แม่บ้านจึงขอให้กะทิช่วยดูแลน้องทิวสักพัก แต่กะทิปล่อยปะละเลยปล่อยให้ฝนสาดใส่น้องทิวจนไข้ขึ้นสูงขณะที่ตัวเองสนใจกับการอ่านจดหมายที่ครูราตรีเขียนให้สามีเก่าซึ่งผู้ชายคนนี้คือเหตุผลที่ทำให้ครูราตรีชอบทำหน้าเศร้าอยู่บ่อยๆ กว่ากะทิรู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว แถมสุนัขของเธอก็ถูกงูเหลือมรัดจนตายอีก กะทิรู้สึกเศร้ามากจนร้องไห้ไม่ยอมหยุด พวกผู้ใหญ่จึงตัดสินใจพากะทิไปเที่ยวบ้านกลางเมือง กลับไปคอนโดที่แม่ของเธอเคยอยู่ กะทิเอากุญแจรูปพระจันทร์ที่มีกระต่ายอยู่ตรงกลางติดตัวไปด้วย   น้าฎาและน้ากันต์เป็นคนคอยดูแลกะทิตลอดช่วงที่อยู่บ้านกลางเมือง ทั้งพาไปเที่ยวและหาคอร์สเรียนพิเศษที่กะทิสนใจจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้น้ากันต์ยังช่วยตามหาความทรงจำของแม่ด้วย   กะทิเลือกที่จะเรียนร้องเพลงเพราะได้แรงบันดาลใจจากนักร้องเพลงร็อกชาวแคนนาดา ครูของกะทิมาจากเมืองนอก ครูชื่อแชนนอน เธอยังสาวและเท่ห์ทีเดียว ทั้งสองกลายมาเป็นคู่ซี้กัน แม้จะสื่อสารคนละภาษาก็ตาม  เดี๋ยวนี้กะทิมักฝันเรื่องเดิมๆ เธอเห็นแม่วิ่งตามพระจันทร์ เธอวิ่งตามแต่แม่ก็ดูเหมือนจะไกลออกไปเรื่อยๆ กะทิคิดว่ากุญแจรูปพระจันทร์ต้องเชื่อมบางอย่างกับความฝัน และมันต้องเป็นกุญแจที่ใช้สำหรับไขบางอย่างในตู้เก็บเอกสารของแม่เป็นแน่
กะทิกับน้ากันต์ช่วยกันสืบจนเจอเทปบันทึกเสียงอันหนึ่งในกล่องที่ต้องใช้กุญแจรูปพระจันทร์เปิด มันคือ
เทปบันทึกเสียงของแม่ที่แม่ตั้งใจจะพูดกับกะทิ ที่บอกเล่าเป็นเรื่องราวต่างๆ ตอนนั้นเสียงของแม่ยังดูมีชีวิตชีวา แตกต่างจากครั้งสุดท้ายที่กะทิเจอที่บ้านชายทะเล แม่เล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวแม่และพ่อของกะทิ รวมไปถึงเพื่อเก่าคนสำคัญของแม่ เขาชื่อว่า วสันต์ เขาเคยขอแม่แต่งงานหลังจากที่แม่เลิกกับพ่อ แต่แม่ไม่เคยตอบรับเลยจึงเป็นสิ่งที่ค้างคาใจแม่มาตลอด แม่ขอให้กะทิเอาจดหมายและเทปม้วนที่สองมอบให้กับลุงวสันต์
กะทิกับน้ากันต์ขับรถไปบ้านของลุงวสันต์ขากลับจากบ้านกลางเมือง กะทิได้แต่เอาของไปฝากไว้กับพี่สาวของลุงวสันต์เพราะช่วงนั้นเขาไปทำงานที่ต่างประเทศ กะทิได้แต่หวังว่าเขาจะจำแม่ได้   กะทิกลับมาถึงบ้านริมคลองประจวบเหมาะกับช่วงนี้โรงเรียนกำลังจะเปิด เธอยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย กะทิขี่จักยานไปเที่ยวงานเปิดห้องสมุดกับพี่ทอง พอถึงงานพี่ทองก็ทิ้งแล้วไปกับ พี่กิ่งชนกสาวสวยที่พี่ทองแอบชอบ กะทิบังเอิญเจอเชิงรบ เพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียน เชิงรบเป็นลูกชายของนายอำเภอที่เป็นประธานในการเปิดหอสมุดวันนี้ เชิงรบอาสาพากะทิไปส่งที่บ้าริมคลองและนับจากนั้นทั้งสองก็สนิทกันมากขึ้น จนกระทั่งโดนมณีเด็กเกเรล้อเลียนว่าเป็นแฟนกันคนอื่นๆ ที่โรงเรียนเลยพลอยล้อกันไปหมด กะทิไม่นึกใส่ใจ ตรงข้ามกับเชิงรบที่ค่อนข้างจะคิดมาก พวกเขาเลยไม่ได้คุยกันเลย   ตอนนี้โรงเรียนเปิดเทอมแล้วครูให้การบ้านไปคิดโครงการเอสเอ็มอีมากลุ่มละหนึ่งเรื่อง เพราะโรงเรียนกำลังจะจัดงานเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักการทำธุรกิจ ซึ่งทั้งกลุ่มก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้   พี่สดับกลับมาแล้ว กลับมาทำงานตามปกติ แต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกใครเลยว่าไปไหนมา จนกระทั่งพี่สดับได้เปิดใจคุยกับน้าฏาและทุกสิ่งก็เปิดเผย พี่สดับหนีตามคนรักชื่อพี่ธงไปที่กรุงเทพ เขาบอกว่าจะไปทำงานเป็นคนงานที่ไต้หวัน พี่ธงบอกว่าจะกลับมาสู่ขอพี่สดับหลังจากปลดหนี้สินหมดและเก็บเงินได้พอ แต่นานไปพี่ธงก็ไม่กลับ จนพี่สดับรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง และเอาลูกมาไว้ใต้ต้นโพธิ์ที่วัด นั่นคือ น้องทิวนั่นเอง
ความจริงที่สืบได้คือ ที่พี่ธงไม่กลับมาเป็นเพราะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปแล้วตอนอยู่ไต้หวัน แม้ว่าพี่สดับจะเศร้ามาก แต่ครูราตรียอมให้พี่สดับอยู่เลี้ยงดูน้องทิวที่บ้านได้โครงงานเอสเอ็มอีของกลุ่มกะทิตกลงกันได้แล้วว่าจะทำซุ้มเกมส์ ในวันเตรียมงาน นักเรียนชั้น ป.6 รวมถึงกะทิงดเรียนในวันนี้ วันนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เชิงรบผู้อ่อนแอสามารถกำหราบมณีหรือที่เพื่อนๆ พากันเรียกว่าป้อมยักษ์ลงได้ด้วยวิชายูโดที่แอบไปซุ้มซ้อมมาอย่างดี เชิงรบกลายเป็นฮีโร่ส่วนกะทิก็กลายเป็นหวานใจฮีโร่ไปแล้ว
ในที่สุดวันงานที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเสียที ตายายเดินคล้องแขนกันชมซุ้มขายอาหารอาหาร ลุงตองได้ข่าวดีเกี่ยวกับหนังสือจัดดอกไม้ของตนที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างเสียที พี่สดับพาพ่อแม่คือตาชุมกับยายมาลีมาเที่ยวงานด้วย เพราะรางวัลใหญ่ของซุ้มเกมส์คือปลาตะเพียนยักษ์ฝีมือตาชุม ส่วนพี่ทองก็อกหักหลังจากได้เห็นพี่กิ่งชนกคนสวยพาแฟนมาเที่ยวงานด้วย งานวันนี้จบลงด้วยดี  เย็นวันนั้นกะทิกลับมาถึงบ้านและพบว่ามีแขกสำคัญรออยู่ ลุงวสันต์มารอกะทิอยู่ที่ท่าน้ำ ทั้งสองได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องแม่ของกะทิ และก่อนที่ลุงวสันต์จะกลับ เมื่อเขาจูบกะทิที่หน้าผาก กะทิก็รู้สึกได้ทันทีว่า ได้หยิบยื่นคืนพระจันทร์ที่แม่ทำหายไปให้แม่แล้ว

จุดเด่นของหนังสือ
เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับทุกวัย รูปเล่มของหนังสือกระทัดรัด เหมาะกับการพกพา หน้าปกมีสีสันสวยงาม ตัวหนังสืออ่านง่ายและมีเนื้อหาที่เข้าจัยได้ง่าย มีการแบ่งเหตุการณ์เป็นตอน ทำให้ผู้อ่านไม่สับสนต่อเหตุการณ์ของเรื่อง จึงเป็นนวนิยายที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้หนอนนวนิยายชื่อมาอ่าน และมีความนิยมของหมู่คนมาก จึงทำให้ได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี

จุดด้อย
ในแต่ละตอนของหนังสือมีรูปภาพแต่ไม่ค่อยดึงดูดใจผู้อ่านเท่าที่ควรบางครั้งรูปภาพที่ใช้สื่อถึงเหตุการณ์ของตอนๆนั้น ทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสนไม่เข้าใจ เมื่ออ่านเนื้อเรื่องแล้วกลับมาดูรูปภาพประกอบไม่สอดคล้องกันเท่าที่ควร

ข้อเสนอแนะ
นวนิยายเรื่องความสุขของกระทิ ตอนตามหาพระจันทร์ เป็นตอนที่ต่อจากความสุขของกระทิในเล่มแรก สำหรับผู้ที่มาอ่านตอนตามหาพระจันทร์ เป็นเล่มแรกอาจทำให้เกิดความสับสน เพราะไม่ได้รู้ถึงที่มาของเรื่อง ดังนั้นควรจะอ่านทั้งสองเรื่องเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องกัน และได้อัตถรส



                                
                                               
งามพรรณ เวชชาชีวะ.ความสุขของกระทิ : ตามหาพระจันทร์. พิมพ์ครั้งที่15. กรุงเทพมหานคร :
         แพรวสำนักพิมพ์, 2550

17 ความคิดเห็น:

สานฝัน กล่าวว่า...

จาการอ่านความสุขของกะทิ ทำให้รุ้ว่าความสุขที่ได้มานั้น ต้องผ่านอะไรหลายๆอย่างเพียงแต่เราเข้าใจและพร้อมที่จะเรียนรู้ เราก็พบกับความสุขที่แท้จริง

poohza กล่าวว่า...

พระจันทร์หายไปไหน

สานฝัน กล่าวว่า...

กะทิมีความสุข แต่ต้องตามหาพระจันทร์

moopoh กล่าวว่า...

น่าอ่านมากๆๆ
คนอ่านเจอพระจันทร์ยัง

somsa กล่าวว่า...

ตามหาความสุข...ดีถ้าค้นเจอว่าความสุขที่แท้จริงของคุณคืออะไร ?

สานฝัน กล่าวว่า...

ความสุขคืออะไร ?

wannapa.nujum@gmail.com กล่าวว่า...

ความสุขคือ ได้อยู่กับคนที่เรารักสิ

nujum กล่าวว่า...

จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ ประสบการณ์มากก็ดีต่อต้วเราเอง

katty กล่าวว่า...

บางครั้ง ความสุขก็ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้ามา บางครั้ง มันอาจจะจะอยู่ใกล้ๆตัวคุณก็ได้

jinny กล่าวว่า...

ความสุขก็คือความสบายกาย และสบายใจ ในสองอย่างนี้ ความสุขใจ นับว่าเป็นยอดแห่งความสุขในโลก

jubajub กล่าวว่า...

อ่านแล้วได้แง่คิดในการใช้ชีวิตในหลายๆด้านค่ะ

สานฝัน กล่าวว่า...

ทำให้ได้รู้อีกแงมุมหนึ่งของเด็กหญิงที่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อแม่แม้ว่าจะไม่เคยเจอหน้าแม่ก็ตาม

belley กล่าวว่า...

ถ้าเข้าใจและยอมรับ...ความสุขก้ออยุที่ตัวเรา

Chicha กล่าวว่า...

ความสุขอยู่ที่ตัวเรานี่เอง

junjira กล่าวว่า...

สุขแท้ แน่จริง คือสุขใจค่ะ

naratip กล่าวว่า...

ความสุขของกระทิ...ก้คือการตามหาอะไรบางสิ่ง ทุกคนก็เช่นกัน ตามหาโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ

KKzzz กล่าวว่า...

หากอยากที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ความสุขก้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

แสดงความคิดเห็น